นับเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำสำหรับ เคอร์ติส โจนส์ กองกลางดาวรุ่งของ ลิเวอร์พูล ยอดสโมสรแห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ อย่างแท้จริง หลังจากเขาทำประตูแรกกับการเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของ “หงส์แดง” ได้สำเร็จ ในเกม เอฟเอ คัพ รอบ 3 นัดเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้แมตช์
ผลงานดังกล่าวทำให้ โจนส์ ได้รับการจารึกว่าเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ทำประตูในเกม เมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้แมตช์ ได้ นับตั้งแต่ที่ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ เคยทำประตูได้ตอนที่เขาอยู่กับ ลิเวอร์พูล เมื่อปี 1994 โดย โจนส์ ยิงได้ในตอนที่เขามีอายุเพียง 18 ปี กับอีก 340 วันเท่านั้น
เดิมที โจนส์ ก็ได้รับการจับตามองจากคนภายในของ ลิเวอร์พูล มาพักหนึ่งแล้วว่ามีศักยภาพดีพอที่จะกลายเป็นนักเตะชั้นยอดได้ ก่อนที่จะเริ่มฉายแววเด่นมากขึ้นในฤดูกาลนี้ อย่างไรก็ตาม ดาวเตะชาวอังกฤษก็ต้องพยายามอย่างหนักกว่าที่จะมาถึงตรงจุดนี้ได้
โจนส์ เกิดในเขตท็อกซ์เท็ธ ซึ่งอยู่แถวทางตอนใต้ของเมืองลิเวอร์พูล นั่นหมายความว่าเขาเป็นเด็กลิเวอร์พูลมาตั้งแต่เกิด โดยย่านดังกล่าวถือเป็นย่านที่คนส่วนใหญ่ไม่ได่มีฐานะใหญ่โตอะไร มันเต็มไปด้วยก้อนอิฐสีทึบชวนอึมครึม, มีพื้นคอนกรีตตามแบบที่หาได้ทั่วไป แม้ว่า เซอร์ ริชาร์ด สตาร์ คีย์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ริงโก้ สตาร์ จะเคยพักอาศัยอยู่ในย่านนี้ แต่มันก็ไม่ได้เป็นที่รู้จักในกลุ่มคนทั่วไปมากนัก
ท็อกซ์เท็ธ ก็เหมือนกับหลายๆ พื้นที่ของประเทศอังกฤษที่ประชาชนคลั่งไคล้กีฬาฟุตบอลมากๆ คนในเขตนั้นจะส่งเสียงเชียร์กันดังสนั่นเวลาที่ ลิเวอร์พูล ลงเตะ จนถึงขนาดที่เสียงเล็ดลอดออกมาจากบ้านของพวกเขา และพอเสียงเชียร์มารวมกันแล้วมันก็กลายเป็นเหมือนพายุที่พัดไปตามถนนกิลเบิร์ต โจนส์ เองก็เป็นหนึ่งในคนของเขตท็อกซ์เท็ธที่ชอบฟุตบอล รวมถึงคลั่งไคล้ ลิเวอร์พูล มากเป็นพิเศษ สมัยที่เป็นเด็กเขามักจะไปเตะบอลที่สนามของโรงเรียนแห่งหนึ่งแถวนั้นอยู่บ่อยๆ โดยเขากับเพื่อนๆ ถึงขั้นปีนรั้วเพียงเพื่อที่จะได้เข้าไปเตะบอลเลย
“ในปลายถนนของแถวบ้านผมน่ะมันมีโรงเรียนตั้งอยู่ พอถึงช่วงเย้นเราก็มักจะปีนข้ามรั้วเพื่อที่จะเข้าไปเตะบอลกันในสนามของพวกเขา หรือไม่ก็หยิบอุปกรณ์บางอย่างของที่นั่นกันมาแล้วเตะบอลตามท้องถนน แต่หลังจากนั้นเราก็เอามันกลับไปเก็บในที่เดิมนะ ผมเติบโตมาแบบเดียวกับพวกสเกาเซอร์ทั่วไปนั่นแหละ นั่นคือการเป็นเด็กที่เติบโตมาตามท้องถนน, ไม่ได้รับการอำนวยความสะดวกที่ดี และใช้ประโยชน์จากเรื่องต่างๆ ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้” โจนส์ เปิดอกกับ ดิ ยูเนี่ยน เจอร์นัล สื่อรายหนึ่ง
ทั้งนี้ คุณแม่ของโจนส์ สนับสนุนความฝันของลูกชายที่อยากเป็นนักฟุตบอลอย่างเต็มที่ และเธอก็ทำหลายอย่างเพื่อช่วยให้ลูกชายสมหวัง “ผมจำภาพตอนที่คุณแม่ของผมท่านต้องยืนท่ามกลางสายลมอันเย็นยะเยือก (เพื่อที่จะรับเขากลับบ้านหลังจากซ้อมเสร็จ) ได้เป็นอย่างดี ท่านต้องจ่ายค่าแท็กซี่เพื่อพาผมกลับบ้านด้วย และนั่นถือเป็นแรงผลักดันให้กับคุณ การเติบโตมาในย่านนี้ทำให้ผมเป็นอย่างในทุกวันนี้ได้ มันทำให้ผมมีความมั่นใจ, มีความกล้าหาญ และรู้ว่าผมต้องไปให้ถึงจุดไหน ผมรู้สึกว่าแฟนบอลหลายคนก็มีพื้นเพแบบเดียวกันกับผมนี่แหละ”
ฝีเท้าที่โดดเด่นตั้งแต่วัยเด็กของ โจนส์ ทำให้เขาได้เข้าร่วมกับอะคาเดมี่ของ ลิเวอร์พูล ตั้งแต่ตอนอายุ 6 ขวบ และได้เริ่มต้นเส้นทางกับทีมด้วยการเล่นให้ทีมรุ่นอายุไม่เกิน 9 ปี เขา ก่อนที่จะได้ติดทีมระดับเยาวชนรุ่นใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ที่จริงแล้ว โจนส์ เคยได้รับข้อเสนอจากทีมในกรุงลอนดอนให้เข้าไปฝึกฝีเท้าท่ามกลางสภาพแวดล้อมของเมืองหลวงที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายก่ายกองด้วย แต่เขาก็ยึดมั่นอยู่กับความศรัทธาต่อแนวความคิดแบบชนชั้นกรรมกรของคนเมืองลิเวอร์พูล จนปฏิเสธข้อเสนอเหล่านั้น หลังจากที่ทำผลงานได้โดดเด่นอย่างต่อเนื่อง เขาก็ได้รับโอกาสลงเล่นกับทีมรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปีของ ลิเวอร์พูล เป็นกรณีพิเศษ ในตอนที่ตัวเองมีอายุเพียง 16 ปี แต่มันก็เหมือนกับวัยรุ่นหลายคนที่พอถูกผลักดันมากขนาดนี้ก็เกิดความฮึกเหิมที่มากจนเกินควร ทำให้พอเขากลับไปเล่นกับทีมเยาวชนรุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี แล้วนั้น เขาก็โชว์ลีลามากเกินควรในบางครั้ง
“ผมไม่ได้โชว์ฟอร์มได้ดีที่สุดอย่ตลอด ผมไม่ได้เล่นแบบจริงจังตลอดเวลาทั้งที่จริงๆ แล้วผมควรจะต้องเล่นแบบจริงจังอยู่เสมอ ประเด็นก็คือในระดับเยาวชนน่ะบางปัจจัยมันสามารถเกิดขึ้นได้อยู่ตลอด มันสามารถเกิดปัญหานอกสนามบางอย่างได้” โจนส์ เปิดอก
ยังดีที่มีพระเอกขี่ม้าขาวเข้ามาช่วยกอบกู้ โจนส์ เอาไว้ได้ และคนที่ว่าก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็น สตีเว่น เจอร์ราร์ด ตำนานกองกลางของ ลิเวอร์พูล ที่เข้ามาเป็นโค้ชให้ทีมรุ่นอายุไม่เกิน 18 ปีของ ลิเวอร์พูล นั่นเอง
“พอ สตีเว่น เข้ามา เขาก็ฉุดผมขึ้นมาได้ ผมดีใจจนแทบคลั่งตอนที่ได้ยินว่าเขาจะเข้ามาเป็นโค้ชให้ทีมรุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี เขาคือคนที่คุณอยากเจออยู่เสมอ ผมจำได้ดีเลยว่าตอนที่เขาเข้ามาเป็นโค้ชให้ทีมน่ะ ผมยังคุยกับทีมงานคนหนึ่งเลยว่า -มันไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหมเนี่ย- หลายคนไม่เข้าใจถึงงานที่เราแต่ละคนทำอย่างถ่องแท้เพื่อผลักดันให้ผมได้ติดทีมชุดใหญ่ จริงอยู่ว่าปัญหาน่ะมันไม่เกิดขึ้นแบบชัดเจนไปซะทุกครั้ง แต่เขา (เจอร์ราร์ด) ก็คอยชวยเหลือผมเป็นอย่างดี เขาคือโค้ชชั้นยอดที่แนะนำกับผมว่าผมจำเป็นต้องทำอะไรบ้าง เขารู้ถึงความเชี่ยวชาญของผม และเข้มงวดกับผมอย่างมาก”
หลังจาก เจอร์ราร์ด บอกลาทีมเยาวชนของ ลิเวอร์พูล เพื่อไปรับงานกุนซือของ เรนเจอร์ส แล้วนั้น โจนส์ ก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีมของทั้งทีมรุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี และรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ซึ่งตอนนั้นก็มีอาจารย์อีกคนที่คอยช่วยสอนเขา นั่นคือ เจมส์ มิลเนอร์ “ช่วงหนึ่งผมเริ่มมองว่ามันเป็นเรื่องง่ายๆ ซึ่งนั่นเป็นแนวคิดที่ไม่เหมาะสม และหลังจากที่ผมเริ่มมีความคิดแบบนั้นแล้วน่ะ เขาก็บอกกับผมว่า -ฟังนะ นายอาจจะโชว์ลีลาแบบนี้อยู่ตลอดไม่ได้หรอก เพราะเกมมันจะดุเดือดขึ้น- คำพูดแบบนั้นจากเขามันถือเป็นการทำให้คุณตาสว่างเลย”
แต่ด้วยฝีเท้าระดับ โจนส์ ทำให้ “เดอะ ค็อป” หลายคนกลัวว่าเขาจะอยู่กับทีมต่อไปอีกไม่นาน เพราะคิดว่าเจ้าตัวอาจจะขอย้ายทีมเพื่อไปหาโอกาสลงเล่นในทีมชุดใหญ่กับที่อื่น แต่ดาวเตะชาวอังกฤษก็ออกมาทำให้สาวก ลิเวอร์พูล เบาใจในประเด็นนั้นได้แล้ว “ผมรู้ดีว่าผมต้องค่อยๆ เดินหน้าไปอย่างใจเย็น และรอช่วงเวลาที่เหมาะสม ซาดิโอ (มาเน่), โม (โมฮาเหม็ด ซาลาห์, บ็อบบี้ (โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่) ต่างก็เป็นหนึ่งในนักเตะที่เก่งที่สุดของโลกในตอนนี้ คือถ้าผมเป็นแค่แฟนบอลที่นั่งดูพวกเขาเล่นจากบนอัฒจันทร์แล้วน่ะ ผมก็คงอุทานแน่ๆ ว่า -พระเจ้าช่วย-”
โจนส์ เสริมว่าอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เขายังไม่คิดที่จะย้ายไปไหน ก็เพราะเขาเป็นคนเมืองลิเวอร์พูลนั่นเอง “ในอาชีพของคุณน่ะ มันเป็นเรื่องธรรมดาที่บางครั้งจะมีทางเลือกอื่นเกี่ยวกับการได้เล่นให้ทีมชุดใหญ่ แต่เมื่อพิจาราถึงสิ่งที่ เจอร์เก้น พูดกับนักเตะน่ะ ผมก็รู้ดีว่าตอนนี้ผมยังไม่ได้ขาดคุณสมบัติอะไรทั้งนั้น (ที่จะทำให้อดเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของ ลิเวอร์พูล) เขาเคยเข้ามาพูดกับผมแบบตัวต่อตัว เขาบอกผมว่าอยากให้ผมปรับปรุงด้านไหน ผมรู้ดีว่าเขาเชื่อมั่นในตัวผม การที่ผมเป็นเด็กท้องถิ่นมันทำให้ตอนนี้ในหัวผมคิดแต่เรื่องการอยู่ที่นี่ต่อไปเท่านั้น เพื่อที่ผมจะได้แสดงให้โลกและคนในยุคปัจจุบันเห็นว่าเด็กท้องถิ่นน่ะสามารถทำอะไรได้บ้าง”
ติดตามข่าวสารฟุตบอลได้ที่ BUAK20.com
สนับสนุนโดยเว็บไซค์ ฟุตบอลอันดับ1 Ufa88s.com