กระแสข่าวระหว่าง บาเยิร์น มิวนิค สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งวงการ บุนเดสลีกา เยอรมัน กับ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ กองหน้าชาวบราซิเลียนของ ลิเวอร์พูล กลับมาอีกครั้ง หลังจากที่มีการลือกันว่าทีมงานของ บาเยิร์น ติดต่อไปหาตัวแทนของ ฟีร์มีโน่ เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ดาวเตะชาวบราซิเลียนจะย้ายทีมในช่วงซัมเมอร์นี้แล้ว
แม้ว่า ฟีร์มีโน่ จะไม่ได้ทำประตูเยอะแบบกองหน้าคนอื่นๆ แต่เขาก็มีความสำคัญกับ ลิเวอร์พูล อย่างมาก ประหนึ่งเหมือนผู้ปิดทองหลังพระ หลังจากเขามักจะทำเรื่องต่างๆ เพื่อเป็นการปูทางให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน่ 2 ปีกเพื่อนร่วมทีมได้ลุ้นทำประตูแทนที่เขาอยู่บ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการดึงแนวรับให้, การผ่านบอลให้ ฯลฯ
ถ้าหากเสีย ฟีร์มีโน่ ไป มันก็น่าจะส่งผลกระทบกับ ลิเวอร์พูล ไม่มากก็น้อย แต่ในขณะเดียวกันมันก็มีข่าวลืออยู่เรื่อยๆ ว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมคนเก่งของ “หงส์แดง” คิดที่จะคว้าตัว ติโม แวร์เนอร์ ดาวยิงคนเก่งของ ไลป์ซิก เข้ามารับบทบาทหัวหอกตัวเป้าคนใหม่ของทีมเช่นกัน
แน่นอน ในเรื่องของการทำประตูนั้นคงเอามาเทียบกันไม่ได้ หลังจากเดิมที ฟีร์มีโน่ กับ แวร์เนอร์ ได้รับหน้าที่แตกต่างกันอยู่แล้ว จากการที่รายแรกเน้นให้การสนับสนุนเพื่อนๆ ส่วนรายหลังเน้นทำประตูเป็นหลัก ดังนั้นคำถามคือถ้าในแง่ของ “การช่วยเกมรุก” ด้านอื่นๆ นอกเหนือจากการทำประตูแล้วนั้น แวร์เนอร์ สู้กับ ฟีร์มีโน่ ได้รึเปล่า ?
– การเลี้ยงบอล, การครองบอล และการจับบอล
หนึ่งในวิธีที่ทำให้ ฟีร์มีโน่ สามารถช่วยเกมรุกของ ลิเวอร์พูล ได้เป็นอย่างดีคือการเลี้ยงบอล หลังจากที่เขามักจะลากบอลผ่านแนวรับของคู่แข่งได้ดีก่อนที่หลังจากนั้นค่อยตัดสินใจว่าจะยิงเองหรือผ่านบอลให้ มาเน่ กับ ซาลาห์ โดยจนถึงตอนนี้เขามีค่าเฉลี่ยการเลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งในลีก 1.6 ครั้งต่อเกม
อย่างไรก็ตาม แวร์เนอร์ ก็ทำผลงานได้ดีในด้านการเลี้ยงบอลเหมือนกัน หลังจากเขาลากบอลผ่านคู่แข่งในลีกได้ 1.9 ครั้งต่อเกม แถมยังเลี้ยงบอลได้ดีจนเรียกฟาวล์ได้ 0.9 ครั้งต่อเกมด้วยซ้ำ ขณะที่ของ ฟีร์มีโน่ มีค่าเฉลี่ยการเรียกฟาวล์ได้ที่ 0.5 ครั้งต่อนัด
นอกจากนี้ แวร์เนอร์ ก็ยังเก็บบอลเอาไว้กับตัวได้ดีกว่านิดหน่อย หลังจากเขาโดนคู่แข่งแย่งบอลไปจากเท้าเพียง 1 หนต่อเกม ในขณะที่ของ ฟีร์มีโน่ อยู่ที่ 1.2 ครั้งต่อนัด แต่ถ้าดูที่การจับบอล ฟีร์มีโน่ จะทำดีกว่านิดหน่อย หลังจากเขาจับบอลแย่จนทำบอลหลุดจากเท้าเองเฉลี่ย 2.4 ครั้งต่อนัด ส่วนของ แวร์เนอร์ อยู่ที่ 2.7 หนต่อเกม
– การครองบอล และการจับบอล
การครองบอลที่ดีของ ฟีร์มีโน่ ช่วยทำให้ ลิเวอร์พูล ไม่เสียบอลไปง่ายๆ จนสามารถเดินเกมบุกได้อย่างเต็มที่ ซึ่งในฤดูกาลนี้ ฟีร์มีโน่ มีค่าเฉลี่ยการโดนคู่แข่งแย่งบอลจากเท้าไป 1.2 หนต่อนัด เรียกได้ว่าเขาโดนแย่งบอลไปจากเท้าน้อยกว่า มาเน่ กับ ซาลาห์ ด้วยซ้ำ เพราะค่าเฉลี่ยด้านนี้ของทั้งคู่อยู่ที่ 1.8 หนต่อเกม กับ 2.2 ครั้งต่อนัด ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม แวร์เนอร์ เก็บบอลเอาไว้กับตัวได้ดีกว่า ฟีร์มีโน่ นิดหน่อย หลังจากเขาโดนคู่แข่งแย่งบอลไปจากเท้าเพียง 1 หนต่อเกม ถึงกระนั้น ถ้าดูที่การจับบอล ฟีร์มีโน่ จะทำดีกว่านิดหน่อย หลังจากเขาจับบอลแย่จนทำบอลหลุดจากเท้าเองเฉลี่ย 2.4 ครั้งต่อนัด ส่วนของ แวร์เนอร์ อยู่ที่ 2.7 หนต่อเกม
– การผ่านบอล
อย่างที่บอกไปว่า ฟีร์มีโน่ เป็นกองหน้าแบบพิเศษ ด้วยแผนของ คล็อปป์ เขาจำเป็นต้องเน้นการผ่านบอลให้แนวรุกคนอื่นๆ เป็นหลัก ซึ่งดาวเตะวัย 28 ปีก็ทำได้ค่อนข้างจะไร้ที่ติ ด้วยการมีเปอร์เซ็นต์ผ่านบอลเข้าเป้า 80 เปอร์เซ็นต์ โดยส่วนหนึ่งที่เขาทำผลงานการผ่านบอลได้ดีมันก็เป็นเพราะเดิมทีเขาเคยเป็นมิดฟิลด์ตัวรุกมาก่อน
ในด้านนี้ แวร์เนอร์ แพ้ ฟีร์มีโน่ นิดหน่อย หลังจากที่เขามีเปอร์เซ็นต์ผ่านบอลเข้าเป้า 77.2 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่การผ่านบอลจังหวะสำคัญของทั้งคู่นั้นถือว่าสูสีกัน เพราะของ ฟีร์มีโน่ อยู่ที่ 1.4 ครั้งต่อนัด ส่วนของ แวร์เนอร์ อยู่ที่เกมละ 1.5 หน
แม้ว่าตัวเลขความแม่นยำของการครอสบอลนั้น แวร์เนอร์ จะดูดีกว่าพอตัว หลังจากที่เขาครอสบอลเข้าเป้า 0.6 ครั้งต่อเกม ส่วนของ ฟีร์มีโน่ อยู่ที่ 0.1 ครั้ง แต่ส่วนหนึ่งมันเป็นเพราะ ฟีร์มีโน่ ไม่ได้ถูกสั่งให้ออกไปอยู่ตรงริมเส้นบ่อยๆ เท่าไหร่ ทำให้เขาไม่จำเป็นต้องครอสบอลเข้ามาบ่อยๆ
สรุป : ถึงแม้ว่าการเล่นใน บุนเดสลีกา กับ พรีเมียร์ลีก จะแตกต่างกัน แต่ตัวเลขที่ออกมาก็พอจะบอกได้ว่านอกจากการทำประตูแล้วนั้น แวร์เนอร์ ก็มีความสามารถในด้านการช่วยเกมรุกในระดับที่สูสีกับ ฟีร์มีโน่ เหมือนกัน ซึ่งถ้าเขาเข้ามาแทน ฟีร์มีโน่ จริงๆ มันก็ขึ้นอยู่กับเจ้าตัวและ คล็อปป์ ที่จะทำให้เกมการเล่นของ ลิเวอร์พูล ยังดุดันเหมือนอย่างในตอนนี้
ติดตามข่าวสารฟุตบอลได้ที่ BUAK 20.com
สนับสนุนโดยเว็บไซค์ ฟุตบอลอันดับ1 ufa88s.com