การเป็นเจ้านายที่ทำตัวดีกับลูกน้องถือเป็นเรื่องดี เพราะมันจะทำให้เกิดความสนิทสนมกัน และไม่เกิดบรรยากาศที่ตึงเครียดมากเกินไป แต่การทำตัวดีมากเกินไปก็อาจจะส่งผลร้ายได้ ดังนั้นมันจึงควรที่จะใช้มาตรการเข้มงวดบ้างเพื่อที่จะเป็นการกระตุ้นลูกน้องไปในตัว
โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ในฐานะกุนซือ แมนฯ ยูไนเต็ด เขาไม่ค่อยทำการจวกลูกทีมแบบรุนแรงต่อหน้าสื่อมากนัก ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่ทำให้ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ อดีตหัวหอกชาวดัตช์ไม่พอใจมากๆ เพราะเขาคิดว่า โซลชา ควรจะต้องมีท่าทีดุบ้าง เพื่อทำให้นักเตะเกิดความหวาดกลัวจนไม่กล้าเล่นแย่
ที่จริง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตำนานกุนซือของ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็เป็นคนที่ขึ้นชื่อลือชาเรื่องการดุลูกทีมแบบรุนแรงอยู่แล้ว และ โซลชา ก็เคยได้เห็นเหตุการณ์แบบนั้นด้วยตาตัวเองเหมือนกัน ดังนั้นเขาก็น่าจะเอาสไตล์แบบนั้นของ เฟอร์กูสัน มาใช้บ้าง
และวันนี้เราจะมาย้อนรอย 5 การดุลูกทีมแบบรุนแรงของ เฟอร์กูสัน กัน เผื่อว่าจะได้เห็นมาดโหดแบบเดียวกันจาก โซลชา ในอนาคต
ฝากรอยให้ เบ็คแฮม
แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องตกรอบ 5 ของศึก เอฟเอ คัพ ในฤดูกาล 2002-03 จากการที่แพ้ อาร์เซน่อล 0-2 ทั้งที่พวกเขาได้เล่นใน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด รังเหย้าของตัวเอง ซึ่งคนที่ เฟอร์กูสัน โมโหมากเป็นพิเศษคือ เดวิด เบ็คแฮม หลังจากมองว่ามิดฟิลด์เท้าชั่งทองทำผลงานได้ต่ำกว่ามาตรฐาน
ในวันนั้น เบ็คแฮม เดือดจัดจนตอบโต้ เฟอร์กูสัน ที่เขายกให้เป็นเหมือนพ่อคนที่สอง และมันก็ลามไปจนถึงการที่ เฟอร์กูสัน บังเอิญเตะสตั๊ดไปโดนบริเวณคิ้วซ้ายของ เบ็คแฮม และนำไปสู่การที่ เบ็คแฮม โดนขายออกจากทีม
2 ลูกที่ไม่ดีพอ
หลังทำประตูได้ตั้งแต่นัดประเดิมสนามที่พา แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ เซาธแฮมป์ตัน แล้วนั้น หลุยส์ ซาฮา กองหน้าชาวฝรั่งเศสที่ตอนนั้นเพิ่งย้ายจาก ฟูแล่ม ไปอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในช่วงเดือนมกราคม ปี 2004 ก็สานต่อฟอร์มอันยอดเยี่ยมได้ด้วยการทำ 2 ประตูตั้งแต่ครึ่งแรกในเกมกับ เอฟเวอร์ตัน ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ปี 2004 จนทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด นำห่างถึง 3-0 ตอนจบครึ่งแรก
แน่นอน ถ้าเป็นกุนซือหลายคนคงจะเข้าไปโอบคอ ซาฮา ด้วยความยิ้มแย้ม และพูดชมหัวหอกเลือดน้ำหอมแบบไม่ขาดปาก อย่างไรก็ตาม เฟอร์กูสัน ไม่ใช่คนในกลุ่มนั้น
“ตอนที่ผมเดินเข้าห้องแต่งตัวน่ะ ผมรู้สึกภูมิใจมากๆ แต่ทันทีที่ผมนั่งลง ผมก็ถูกปลุกให้ตื่นแบบรุนแรง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แทบจะทำให้ผมหูหนวกเลยด้วยซ้ำ ผมยอมรับนะว่าผมแปลกใจกับสำเนียงสกอตติชของเขา ผมคือคนที่ถูกเขาตะโกนใส่ เขาคลั่งมากๆ และผมก็เข้าใจได้ว่าทำไมมันถึงเป็นอย่างนั้น เขาไม่พอใจเพราะเรานำห่างแค่ 3 ลูก ทั้งที่จริงๆ แล้วเราควรจะนำขาดถึงขนาด 6-0 เขาบอกว่าผมมาอยู่กับทีมใหญ่แล้ว ดังนั้นผมก็ต้องยกระดับของตัวเองขึ้นมา และต้องรู้สึกตัวว่าผมไม่ควรพลาดโอกาสง่ายๆ แบบนั้นอีก” ซาฮา เปิดอก
ซาฮา พา รูนี่ย์ เจอดี
เกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ในฤดูกาล 2006-07 แมนฯ ยูไนเต็ด ออกไปแพ้ เซลติก 0-1 ในวันที่ 21 พฤศจิกายน ซึ่งตอนจบเกมนั้น ซาฮา ก็โดนด่าอย่างหนักโทษฐานที่ช่วยทีมเอาไว้ไม่ได้ โดยที่จริงเกมนั้น ซาฮา มีโอกาสตีเสมอให้ทีมด้วย จากการได้ยิงลูกจุดโทษในช่วงท้ายเกม แต่กลับยิงไม่เข้า
อย่างไรก็ตาม หนนี้ ซาฮา มีเพื่อนมาร่วมชะตากรรม นั่นคือ เวย์น รูนี่ย์ โดยตอนนั้น รูนี่ย์ กำลังอยู่ระหว่างการเจรจาเรื่องสัญญาฉบับใหม่ และพอเจ้าตัวเล่นไม่ได้เรื่องแล้วนั้น เฟอร์กูสัน ก็ตวาดใส่เขาเลยว่า
“นักเตะทุกคนก็อยากได้เงินจากสโมสรมากกว่าเดิม และอยากได้สัญญาฉบับใหม่กันทั้งนั้น แต่แกไม่สมควรได้รับอะไรเลยหลังจากเล่นได้ห่วยแบบนั้น!”
ปลุกใจดับไก่
การที่ต้องตามหลัง สเปอร์ส 0-3 ถึงสนาม ไวท์ ฮาร์ท เลน ในช่วงพักครึ่งของเกมลีก เมื่อช่วงเดือนกันยายน ปี 2001 ทำให้มันดูเหมือนว่า แมนฯ ยูไนเต็ด จะหมดหวังที่จะกลับมาได้แล้ว ไม่ต้องพูดถึงการชนะเลย แค่การเสมอยังทำได้ยาก
อย่างไรก็ตาม ในช่วงพักครึ่ง เฟอร์กูสัน ก็ดุใส่ลูกทีมอย่างรุนแรง ก่อนที่สุดท้ายพวกเขาจะแซงชนะ 5-3 โดยที่ ฮวน เซบาสเตียน เวรอน เปิดใจว่า
“ผมไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน เอล มิสเตอร์ ผมหมายถึง เฟอร์กูสัน น่ะ ไม่พอใจมากๆ ในตอนพักครึ่ง เขาบอว่าเราไม่เคารพคนอื่นๆ เลย”
ได้แชมป์แล้วไง ?
แมนฯ ยูไนเต็ด การันตีการเป็นแชมป์ พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาล 2006-07 ตั้งแต่ตอนที่ยังเหลือโปรแกรมให้เล่นอีก 2 นัด ทำให้พวกเขาสามารถเล่นแบบสบายๆ ได้ และต่อให้จะแพ้มันก็ไม่ได้เสียหายอะไรมากนัก
ทั้งนี้ ในนัดปิดฤดูกาล ซึ่งเป็นเกมที่จะมีการมอบถ้วยแชมป์นั้น แมนฯ ยูไนเต็ด เปิดบ้านเจอกับ เวสต์แฮม 0-1 โดยสุดท้ายเกมนั้นเจ้าถิ่นแพ้ไป 0-1 และพอสิ้นเสียงนกหวีดยาวบรรดานักเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็เดินเข้าห้องแต่งตัวด้วยสีหน้าที่ชิลๆ เพื่อรอให้ฝ่ายจัดการแข่งขันเตรียมพิธีการมอบแชมป์ แต่ก่อนที่จะได้ฉลองแชมป์แบบร่าเริงนั้น เหล่าแข้ง “ปีศาจแดง” ต้องเจอกับบรรยากาศสุดตึงเครียดตอนอยู่ในห้องแต่งตัว
รูนี่ย์ เผยใน My Decade in the Premier League หนังสืออัตชีวประวัติของตัวเองว่า
“เกือบทุกทีมคงจะฉลองกันในห้องแต่งตัว, เตรียมแชมเปญให้พร้อม และถ่ายรูปกันอย่างร่าเริง แต่กรณีของเราไม่ใช่อย่างนั้น ตอนนั้นเราทุกคนต้องนั่งซึมมองพื้นเหมือนเด็กตัวเล็กๆ เพราะผู้จัดการทีมใช้ไดร์เป่าผมกับเรา หลังจากผ่านไปสักพักทุกคนก็มีกำลังใจมากพอที่จะยิ้มแบบทีมที่ได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก”
ติดตามข่าวสารฟุตบอลได้ที่ BUAK20.com
สนับสนุนโดยเว็บไซค์ ฟุตบอลอันดับ1 Ufa88s.com