“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล บุกไปโดน แอตเลติโก มาดริด อัดหงาย 0-1 ในการแข่งขัน ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก เมื่อคืนวันอังคารที่ 19 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
เกิดอะไรขึ้นกับ “แชมป์เก่า” เราลองไปดูประเด็นที่น่าสนใจที่เกิดขึ้นในเกมนัดนี้กัน
ความเป็นไปของเกม
หงส์แดง โชคร้ายที่ถูกยิงขึ้นนำเร็วตั้งแต่ 4 นาทีแรก ในขณะที่พวกเขายังตั้งเกมของตัวเองไม่ได้ จุดนี้จึงเป็นข้อได้เปรียบที่ทำให้ แอตฯ มาดริด สามารถคุมเกมให้เป็นไปอย่างที่พวกเขาต้องการ
ด้วยการปล่อยให้ หงส์แดง เซตบอลไปมาและพวกเขาก็ถอยลงมาตั้งรับและรอจังหวะสวนกลับตลอด 45 นาทีแรก ซึ่งต้องบอกว่าได้ผลค่อนข้างดีเลยทีเดียว
กระทั่งในครึ่งหลัง ลิเวอร์พูล พยายามปรับรูปแบบการเข้าทำให้หลากหลายมากยิ่งขึ้น ซึ่งก็พอจะมีโอกาสลุ้นอยู่บ้างแต่แนวรุกยังไม่เฉียบคมกันมากพอ
ส่วนทางเจ้าบ้านเองก็ยังคงเน้นเกมรับแบบเดียวกับในครึ่งแรก แถมจังหวะสวนกลับของพวกเขาถือว่ากดดันแนวรับผู้มาเยือนได้ค่อนข้างดี จนกระทั่งจบ 90 นาที ตราหมี ทำสำเร็จคว้าชัยไปได้ก่อนในเกมแรก
วันที่แบ็คสองข้างของ หงส์แดง เล่นไม่ออก
ตลอดซีซั่นที่ผ่านมาต้องบอกเลยว่าทีเด็ดการเข้าทำของ ลิเวอร์พูล อย่างหนึ่ง ก็คือการวางบอลจากแบ็คทั้งสองด้าน ไม่ว่าจะเป็น เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ หรือ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ที่มักจะมีชื่อเป็นผู้ทำแอสซิสต์ได้อยู่บ่อย ๆ ในฤดูกาลนี้
แต่ในค่ำคืนที่ผ่านมานั้น ต้องบอกว่าเราแทบไม่เห็นลูกเปิดสวยๆ จากริมเส้นทั้งสองข้างเลยแม้แต่ครั้งเดียว โดยเฉพาะจากฟูลแบ็คทั้ง 2 คน ที่ปกติแล้วมักจะมีทีเด็ดในยามที่เกมตรงกลางไม่สามารถเจาะคู่แข่งได้
แต่พอขาดในส่วนนี้ไป จึงส่งผลให้เกมรุกของ หงส์แดง ในวันนี้ดูเล่นได้ค่อนข้างต่ำกว่ามาตรฐานไปหมด แน่นอนว่าส่วนหนึ่งต้องชมแทคติกของ ซิเมโอเน ที่วางแผนมาได้อย่างยอดเยี่ยม แต่อีกส่วนที่ต้องตำหนิบรรดาแนวรุกรวมถึงแบ็คทั้งสองฝั่งที่วันนี้เล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐานที่ควรจะเป็นด้วยเช่นกัน
เกมรับสุดแกร่งของของทัพตราหมี
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าจุดเด่นของ แอตเลติโก มาดริด ที่มี ดิเอโก้ ซิเมโอเน คุมทีมนั้น คือเกมรับที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง ก่อนเกมจะเริ่มจึงเป็นที่พูดถึงกันมากพอสมควรว่าเกมรุกที่ดุดันของ หงส์แดง จะเป็นอย่างไรเมื่อต้องเจอกับแนวรับอันแน่นปึกของ ทัพตราหมี ในเกมนี้
ซึ่งผลก็ออกมาอย่างที่เห็นคือ แนวรุกของ ลิเวอร์พูล แทบจะสร้างความกดดันให้กับแนวรับของ แอตฯ มาดริด ไม่ได้เลย ทำได้เพียงเคาะบอลไปมารอบนอกกรอบเขตโทษ การเจาะเข้าพื้นที่ตรงกลางแทบจะเป็นไปไม่ได้
เนื่องจากมีผู้เล่นของเจ้าบ้านยืนสกรีนอยู่เป็นแนวถึง 2 ชั้น แถมวันนี้ลูกโยนจากริมเส้นก็ดันไม่ทำงานเสียอีก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ในวันนี้สร้างโอกาสเข้าทำได้ค่อนข้างน้อย และจบด้วยความปราชัยในที่สุด
ถึงจะแพ้ แต่โอกาสยังเปิดกว้าง
แม้เกมนัดนี้จะจบด้วยความพ่ายแพ้ของ ลิเวอร์พูล แต่สกอร์ที่ตามเพียงแค่ 1 ประตู กับการจะได้กลับไปเล่นในบ้านนั้น ก็ยังพอจะมีโอกาสอยู่พอสมควรสำหรับทัพ หงส์แดง ซึ่งก็ต้องมาดูกันว่ากว่าจะถึงวันนั้น คล็อปป์ จะกลับไปทำการบ้านที่ดูแล้วมีค่อนข้างเยอะในเกมวันนี้อย่างไร
แต่แน่นอนว่าจะประมาทไม่ได้เช่นกัน เพราะหากพวกเขาเสียประตูแม้แต่ประตูเดียว งานที่ต้องทำจะหนักเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัวในทันที เพราะจำเป็นต้องยิงให้ขาดเนื่องจากกฎอเวย์โกล
ดังนั้นต้องบอกเลยว่าโอกาสยังคงเปิดกว้างจริงๆ สำหรับทั้งสองทีม โดยเฉพาะฝั่ง เร้ดแมทชีน ที่ปีก่อนเคยโดนนำห่างถึง 3 ลูกในเกมแรก แต่ก็ยังสามารถพลิกนรกกลับมาเข้ารอบได้
ฉนั้นแค่ประตูเดียวในเกมนี้ จึงยังไม่สามารถฟันธงใดๆ ได้ทั้งสิ้นว่าใครจะได้ไปต่อในศึกครั้งนี้ เพราะงั้นเกมชี้ชะตา คืนวันพุธที่ 12 มีนาคม ห้ามพลาดเด็ดขาด!