สัปดาห์นี้ แมทช์แห่งศักดิ์ศรีที่ใครหลายคนรอคอยกำลังจะมาถึงอีกครั้ง นั่นคือศึกแดงเดือด “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เปิดรังแอนฟิลด์ ปะทะ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ในคืนวันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม
อย่างที่ทราบกันดีว่า นาทีนี้ ลิเวอร์พูลโชว์ฟอร์มได้น่าขนพองสยองเกล้าเหลือเกิน โดยก่อนลงสนาม ลูกทีมของกุนซือ เจอร์เกน คล็อปป์ นั่งกระดิกเท้าอยู่บนบัลลังก์จ่าฝูง
ทิ้งห่าง โอเล่ กุนนาร์ โซลชา และชาวคณะ ที่รั้งอันดับ 5 มากถึง 27 แต้ม แถมแข้งหงส์แข่งน้อยกว่า 1 นัด
แน่นอนว่า สถานการณ์ตอนนี้ลิเวอร์พูลเหนือกว่าทุกประตูและหน้าต่าง ไม่ว่าจะเป็นฟอร์มการเล่น สภาพทีม การได้เล่นในบ้าน
อีกทั้งนักเตะยังสดกว่าฝั่งแมนฯ ยูไนเต็ด ที่เพิ่งลงเตะเกมเอฟเอคัพ รอบ 3 นัดรีเพลย์ เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม เรามักได้ยินเสมอว่า “อะไรก็เกิดขึ้นได้ในเกมฟุตบอล” ซึ่งนักเตะแมนฯ ยูไนเต็ดก็มี 11 คน 22 ขาอยู่ในสนามเหมือนกันยกเว้นแต่ว่าจะโดนใบแดงไปเสียก่อน
และนี่คือ 5 เหตุผลที่ทำให้เชื่อว่า พลพรรคปีศาจแดงมีโอกาสที่จะยกพลไปดับซ่าแข้งหงส์ถึงรังแอนฟิลด์ โดยอาจจะเป็นการบุกไปแบ่ง 1 แต้มกลับออกมา หรือไม่อาจเลยเถิดไปเป็น 3 แต้มเลยก็เป็นได้!
1. ทีมเดียวที่ต้านหงส์อยู่
ศึกพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้ ลิเวอร์พูลลงสนามไปแล้ว 21 นัด พร้อมกับทำสถิติชวนให้ขนหัวลุก ชนะ 20 เสมอ 1 โดยทีมหงส์แดงเดินหน้าไล่ถลุงชาวบ้านชาวช่องไปทั่วทั้งลีก ยกเว้นทีมเดียวที่พวกเขาเอาชนะไม่ได้ นั่นคือ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจากทั้งคู่เสมอกัน 1-1 ที่โอลด์แทรฟฟอร์ด เมื่อเดือนตุลาคม ปีที่แล้ว
จากผลดังกล่าว อย่างน้อยน่าจะทำให้ “แข้งผี” พอคุยได้ว่าพวกเขาเป็นทีมเดียวที่ลิเวอร์พูลเอาไม่ลง ซึ่งน่าจะช่วยส่งผลดีในแง่ของความมั่นใจราวกับใส่ผ้าอนามัยแบบมีปีก ก่อนก้าวเท้าลงสนามคืนวันอาทิตย์นี้
2. สถิติข่ม
สถิติที่ทั้งคู่เจอกันในพรีเมียร์ลีกช่วงหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด เหนือกว่า ลิเวอร์พูล อยู่พอสมควร โดยการเจอกันในลีก 11 นัดหลังสุด สาวกเรดอาร์มี่ได้เฮ 5 นัด แบ่งแต้มสมานฉันท์กันไปอีก 5 นัด และเดอะค็อปได้ฉลองชัยเพียงนัดเดียว
นอกจากนี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ยังไม่เคยคุมทีมเอาชนะ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ได้เลย แต่ในขณะเดียวกัน โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ก็ยังไม่เคยคว้าชัยเหนือ เจอร์เก้น คล็อปป์ เลยเช่นกัน โดยทั้งคู่ดวลฝีมือกันมาแล้ว 2 ครั้ง ผลปรากฏว่าเจ๊ากันไปทั้ง 2 นัด โดยเสมอ 0-0 ที่โอลด์แทรฟฟอร์ด เมื่อซีซั่นที่แล้ว และเสมอ 1-1 ในนัดแรกที่เจอกันของฤดูกาลนี้
3. ทีมใหญ่ไม่เคยหวั่น
ซีซั่นนี้ โซลชาพาลูกทีมโชว์ฟอร์มประหนึ่งเป็นสโมสร แมนเชสเตอร์ “โรบินฮู้ด” ยูไนเต็ด หลังจากไล่ตบเอาแต้มจากทีมใหญ่ แล้วนำไปแจกจ่ายให้กับทีมเล็กๆใจดีจริงๆพ่อคุณเอ้ยย 5555
และนี่คือสถิติของแข้งผียามเจอกับทีมหัวตารางถล่มเชลซี 4-0 ปราบเลสเตอร์ 1-0 เจ๊าลิเวอร์พูล 1-1 เชือดสเปอร์ส 2-1 ขยี้แมนฯ ซิตี้ 2-1 โดยมีพลาดท่าให้อาร์เซนอล 0-2 แต่อาจเป็นเพราะซีซั่นนี้ ทีมปืนใหญ่หล่นไปวนเวียนอยู่แถวกลางตาราง ทีมปีศาจแดงก็เลยแจกแต้มให้ อิอิ
4. ผีแดงจอมเตะตัดขา
ถึงวินาทีนี้ ลิเวอร์พูลไม่แพ้ใครในเกมพรีเมียร์ลีกมา 38 นัดติดต่อกันเข้าไปแล้ว ซึ่งถือเป็นสถิติไร้พ่ายติดต่อกันนานที่สุดเป็นอันดับ 3 ของพรีเมียร์ลีก โดยอันดับหนึ่งคือ อาร์เซนอล ทำไว้ 49 นัด และอันดับสอง เชลซี 40 นัด
สำหรับสถิติของ อาร์เซนอล และ เชลซี มีประเด็นที่น่าสนใจตรงที่ว่า คู่ต่อสู้ที่เป็นผู้หยุดสถิติไร้พ่ายของทั้งขุนพลปืนใหญ่และสิงโตน้ำเงินครามก็คือปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมนี้นี่่เอง เอง เอง… ซึ่งไม่แน่ว่าวันอาทิตย์นี้ แข้งหงส์แดงอาจจะสะดุดหัวทิ่มโดนหยุดสถิติไม่แพ้ใครไว้ที่ 38 นัด ด้วยนำมือของกองทัพเร้ดอาร์มี่ก็เป็นได้
5. ชาวโลกเอาใจช่วย
ด้วยฟอร์มที่ทารุณโหดร้ายของลิเวอร์พูลในขณะนี้ ทำให้บรรดาคู่แข่งต่างอิจฉาริษยาตาร้อนผ่าวๆ พร้อมกับคอยลุ้นปนแช่งชักให้หงส์แดงแพ้ปีกหักเซถลาแถ่ดๆเสียที
ที่ผ่านมา แฟนบอลต่างฝากความหวังไว้กับเหล่าบิ๊กเนม ไม่ว่าจะเป็น สิงห์บลู จิ้งจอก เรือใบ ปืนใหญ่ หรือ ไก่เดือยทอง แต่สุดท้ายก็โดนเจอร์เก้น คล็อปป์ และลูกน้อง ตบหัวทิ่มกลับมาทุกราย
คราวนี้ความหวังของมวลมนุษยแฟนบอลพรีเมียร์ลีกจึงถูกส่งไปยังลูกทีมของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ให้ระเบิดฟอร์มเด็ดปีกหงส์ให้ได้
เผื่อว่าการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกจะได้กลับมาสนุกและมีอะไรให้พูดถึงมากกว่าการนั่งดูเดอะค็อปฉลองชัยชนะต่อเนื่องไปเรื่อยๆเช่นนี้
เกมนี้ “แมนฯ ยูไนเต็ด” จึงเปรียบได้กับฉากในการ์ตูนดราก้อนบอล ซึ่ง “ซุนโกคู” ชูมือขอรวบรวมพลังที่มนุษย์โลกช่วยกันส่งต่อมาให้ เพื่อสยบศัตรูที่มาเขย่าโลกลูกหนังอย่าง “ลิเวอร์พูล” ยังไงยังงั้น
นี่สมมติถ้า เจสซี่ ลินการ์ด มิดฟิลด์อภิมหาเทพสุดยอดฝีเท้าถล่มโลกทะลุจักรวาลดาวล้านดวง เป็นคนยิงประตูชัยให้แมนฯ ยูไนเต็ดด้วยนะ ไม่อยากจะนึกภาพเลยว่าจะสนุกสนานระเบิดเถิดเทิงกันขนาดไหน