ลิเวอร์พูล ทำให้ตัวเองต้องมีโปรแกรมเล่นเพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็น เมื่อพวกเขาทำได้เพียงเสมอ ชูร์วสบิวรี่ 2-2 ทั้งๆ ที่นำไปก่อน 2-0 ในศึกเอฟเอ คัพ รอบ 4 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 มกราคมที่ผ่านมา ส่งผลให้ต้องกลับไปเล่นรีเพลย์ ที่สนามแอฟิลด์
เกมนี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ จัดผู้เล่นดาวรุ่ง และนักเตะตัวสำรองลงสนามยกชุด และพวกเขาดูเหมือนจะได้เข้ารอบไม่ยากนักเมื่อนำเจ้าบ้านถึงสองประตู แต่ด้วยการเล่นที่ผิดพลาด ผสมกับนักเตะชูร์วสบิวรี่ มาพร้อมหัวใจเกินร้อยทำให้สามารถไล่บดขยี้จ่าฝูงพรีเมียร์ลีก จนยิงคืนได้สองประตู
แน่นอนว่าเกมนี้บรรดาผู้เล่นดาวรุ่งทำผลงานไม่ค่อยดีนัก ยกเว้น เคอร์ติส โจนส์ ที่ค่อนข้างแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการที่ดีเยี่ยม เช่นเดียวกับ ชิริเบย่า ที่โชว์ฟอร์มได้ดีโดดเด่นกว่า ฟาบินโญ่ ซึ่งดูเหมือนร้างเกมไปนานทำให้เล่นไม่ค่อยดี และจ่ายบอลเสียหลายครั้ง จนทำให้ทีมเกือบโดนลงโทษในครึ่งแรก
1. ดาวรุ่งต้องพัฒนาอีกเยอะ
คล็อปป์ ตัดสินใจให้โอกาสนักเตะดาวรุ่งได้ลงสนามในแมตช์นี้ และแน่นอนว่าผลงานของพวกเขามีทั้งดีและแย่ผสมปนเปกันไป แต่อย่างน้อย กุนซือชาวเยอรมัน ได้มอบประสบการณ์ชั้นดีให้กับแข้งวัยละอ่อน จะได้เรียนรู้เกมมากยิ่งขึ้น เพื่อพัฒนาศักยภาพต่อไปในอนาคต
สำหรับบรรดาผลผลิตจากศูนย์ฝึกเยาวชน “หงส์แดง” พยายามที่จะทำผลงานให้ดีที่สุดให้สมกับที่ คล็อปป์ ไว้วางใจให้โอกาสพวกเขาได้ลงเล่นตัวจริงทั้ง เนโก วิลเลี่ยมส์, ยาสเซอร์ ลารูซี่ – เปโดร ชิริเบย่า, เคอร์ติส โจนส์ และ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ ต่างทุ่มเทสุดตัวเพื่อหวังนำต้นสังกัดทะลุเข้ารอบต่อไปให้ได้
แมตช์นี้ โจนส์ โชว์ฟอร์มได้โดดเด่นในครึ่งแรกเมื่อเบิกร่องให้ทีมขึ้นนำอีกครั้ง โดยงานนี้ต้องชม ชิริเบย่า ที่แอสซิสต์ได้อย่างแม่นยำ ขณะที่ วิลเลี่ยมส์ ซึ่งมีส่วนทำให้ทีมได้ประตูที่สอง จากการเปิดบอลยาวก่อนที่ โดนัลด์ เลิฟ จะสกัดพลาดเข้าประตูตัวเอง อย่างไรก็ตามเขาก็เจอกับงานหนักในการรับมือ ฌอน วอลลี่ย์ ขณะที่ ลารูซี่ อาการหนักกว่าเพราะทำให้ทีมเสียจุดโทษ และโดนยิงตีไข่แตก
ขณะที่ เอลเลียตต์ ต้องบอกว่าทำสาวก “เดอะ ค็อป” ผิดหวังจริงๆ ในเกมนี้ เพราะเจ้าตัวเล่นไม่ออกเลย อย่างไรก็ตามผลเสมอก็ไม่ได้ถึงกับเลวร้าย กระนั้นหากมองในแง่บวกนี่คือประสบการณ์ที่แสนล่ำค่าของบรรดา “หงส์วัยละอ่อน” ที่จะพัฒนาพวกเขาในระยะยาว
2. มินามิโน่ ต้องใช้เวลาปรับตัว
ทาคูมิ มินามิโนะ ได้รับโอกาสจาก คล็อปป์ ให้ลงเล่นตัวจริงเป็นเกมที่สอง หลังจากที่เขาเพิ่งได้ลงสนามเปิดตัวแมตช์แรกในฐานะตัวสำรองเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา การให้โอกาสครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า นายใหญ่เคราดก ค่อนข้างเชื่อมั่นในศักยภาพของ จอมทัพชาวญี่ปุ่น อย่างมาก
ดาวเตะทีมชาติญี่ปุ่น แสดงความมั่นมั่นอย่างแรงกล้าที่จะตอบแทนความไว้วางใจของ คล็อปป์ และยอมรับว่าตนเองไม่ปลื้มกับผลงานในแมตช์ที่เฉือน วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ ช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามในการปะทะกับ ชรูว์สบิวรี่ ไม่ได้ง่ายอย่างที่หลายๆ คนคาดคิด เพราะเจ้าบ้านมาในสไตล์วิ่งสู้ฟัด และทำให้ มินามิโนะ แทบจะไม่เวลาได้จับบอลโชว์สเต็ปมากนัก
มินามิโนะ พยายามที่จะทำผลงานให้ดีที่สุดโดนในเกมนี้ต้องยอมรับว่าเจ้าตัวไม่ค่อยได้มีส่วนประสานงานกับเพื่อนร่วมทีมมากนัก โดยจังหวะเด่นอย่างเช่นโหม่งบอลจากการโยนเข้ามาของ วิลเลี่ยม แต่ก็ไม่มีผลอะไร หรือจังหวะที่ได้ยิงแต่บอลออกนอกกรอบไปแบบไม่มีลุ้น
สำหรับผลงานโดยรวมในเกมนี้ มินามิโนะ ยังคงต้องใช้เวลาในการเรียกฟอร์มเก่งของเขาออกมาให้ได้ เพราะเจ้าตัวยังต้องใช้เวลาในการปรับตัวกับสไตล์การเล่นที่รวดเร็วและเน้นสภาพร่างกายในประเทศอังกฤษ แต่เชื่อว่า คล็อปป์ ยินดีไม่มีปัญหาที่จะให้เวลากับเขา เพราะนี่คือนักเตะที่ กุนซือยิ้มหวาน อยากได้ ฉะนั้นเขาต้องมีของดีแน่นอน
3. มาติป-ฟาบินโญ่ ฟอร์มออกทะเล
โฌเอล มาติป และ ฟาบินโญ่ ได้ลงเล่นตัวจริงหลังจากที่พวกเขาหายไปจากเกมมานาน เนื่องจากเข้ารับการรักษาอากาบาดเจ็บ แต่น่าเสียดายเหลือเกินที่ผลงานของทั้งสองคนน่าผิดหวังมากๆ โดยเฉพาะในเรื่องความเร็ว ซึ่งแน่นอนว่าที่เป็นแบบนี้มาจากการร้างสนามไปนานนั่นเอง
สาวก “เดอะ ค็อป” คงเห็นกันเต็มสองตาว่า มาติป และมิดฟิลด์ชาวบราซิเลียน เล่นแบบขาดความมั่นใจมากๆ ในครึ่งแรก โดย กองหลังชาวแคเมอรูน ยังดูเชื่องช้า, เคลียร์บอลไม่ขาด แถมยังเล่นไม่เข้าขากับ เดยัน ลอฟเรน มีบางครั้งที่ มาติป โดนแนวรุกเจ้าบ้านเล่นงาน โดยเฉพาะ วอลลี่ย์ ที่จัดการปั่นป่วน มาติป จนเปิดตำราตั้งรับไม่ถูก
นอกจากนี้การที่นักเตะ “เดอะ เร้ดส์” ผ่านบอลได้แย่มากๆ ในครึ่งหลังทำให้ ชูร์วสบิวรี่ มีจังหวะการเล่นสวนกลับได้หลายครั้ง เดชะบุญที่นักเตะเจ้าบ้านขาดความคมไม่งั้น ลิเวอร์พูล อาจจะโบกมือลาถ้วยเก่าแก่ที่สุดในโลกมากกว่าที่จะได้ไปเล่นรีเพลย์ที่แอนฟิลด์
ขณะที่ ฟาบิน โญ่ ต้องบอกเลยว่ายังไม่กลับมาเป็นนักเตะชั้นยอดคนเดิม เพราะการที่เขาเพิ่งจะหายเจ็บ ทำให้ยังขาดจังหวะการเล่น แถมผลงานในแมตช์นี้ต้องบอกเลยว่าเป็นรอง ชิริเบย่า ดาวรุ่งพุ่งแรงของทีม โดยในครึ่งแรก ดาวเตะเลือดแซมบ้า ทำบอลเสียในแดนกลางหลายครั้ง และบางจังหวะเกือบเสียประตูด้วยซ้ำ
4. โจนส์ ยิ่งเล่นยิ่งพัฒนา
หากจะหานักเตะดาวรุ่งที่ทำผลงานได้ดีในเกมนี้คงหนีไม่พ้น โจนส์ เพราะเจ้าตัวโชว์ฟอร์มได้ดีอีกครั้ง หลังในแมตช์ที่ชนะ เอฟเวอร์ตัน ในศึกเอฟเอ คัพ รอบที่แล้ว เขาก็เล่นได้อย่างโดดเด่น และเป็นคนยิงประตูชัยสุดสวยเขี่ย “ทอฟฟี่สีน้ำเงินตกรอบที่แล้ว
ดาวเตะสายเลือดสเกาเซอร์ขนาดแท้ ยังคงสร้างความประทับใจให้กับ คล็อปป์ อย่างต่อเนื่อง โดยในแมตช์นี้เขาโชว์ลีลาได้ดีมากๆ และเป็นคนที่จัดการเบิกประตูแรกให้กับทีมจากการแอสซิสต์ของ ชิริเบย่า ในช่วงครึ่งแรก ขณะเดียวกันเจ้าตัวยังมีส่วนช่วยเกมรุกของ “หงส์แดง” ได้ตลอด
ก่อนหน้านี้ แข้งวัย 18 ปี เป็นคนยิงจุดโทษสุดท้ายช่วยให้ต้นสังกัดคว่ำ อาร์เซน่อล ในศึกคาราบาว คัพ เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา แน่นอนว่าผลงานของ โจนส์ ทำให้ คล็อปป์ เชื่อมั่นว่าเขาตัดสินใจถูกที่ให้เด็กคนนี้ได้ลงเล่นอย่างต่อเนื่อง เพราะนับวันยิ่งพัฒนาผลงานขึ้นเรื่อยๆ
5. โอริก้า ตัวจริงแย่ตัวสำรองดีกว่า
เป็นที่ทราบกันดีว่า ดิว็อค โอริกี้ มีตำแหน่งหลักอยู่ในซุ้มม้านั่งสำรองสำหรับเกมพรีเมียร์ลีก และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่ในเกมเอฟเอ คัพ แน่นอนว่า คล็อปป์ ต้องการให้เขาลงสนามเพื่อประคับประคองบรรดาดาวรุ่ง แต่กลายเป็นว่าผลงานของเขาแย่กว่าพวก “หงส์วัยกระเต๊าะ” ซะอีก
โอริกี้ มักจะระเบิดฟอร์มเมื่อถูกส่งลงเล่นเป็นตัวสำรอง และสำหรับการลงตัวจริงแมตช์ล่าสุด เขาไม่สามารถงัดฟอร์มเก่งออกมาได้เลย และแทบจะไม่มีโอกาสสร้างความปั่นป่วนให้กับแนวรับของ ชูร์วสบิวรี่ งานนี้คงทำให้ คล็อปป์ มั่นใจได้เลยว่า ดาวเตะชาวเบลเยียม เหมาะจะเป็นซูเปอร์ซับมากกว่า
สิ่งที่น่าผิดหวังในตัวของ ดาวเตะวัย 24 ปี นอกจากการเล่นที่แสนทื่อแล้ว ก็คือความทุ่มเทในการเล่นในครึ่งหลัง เพราะเจ้าตัวแทบจะไม่ยอมวิ่งปรินท์เพื่อเข้าบอล แต่กลับวิ่งเหยาะแหยะ แม้ว่าช่วงท้ายเกม โอริกี้ จะมีโอกาสยิงประตูแต่โดยนายทวารเจ้าบ้านเซฟได้ แต่เมื่อมองภาพรวมแล้วผลงานของเขาถือว่าน่าผิดหวังมากๆ
โอริกี้ มักจะลงมาเป็นตัวสำรองและทำได้ดีในเกมนี้ แต่กลายเป็นแข้งไร้ประสิทธิภาพเมื่อได้ลงเล่นตัวจริงในเกมแบบนี้
ติดตามข่าวสารฟุตบอลได้ที่ BUAK 20.com
สนับสนุนโดยเว็บไซค์ ฟุตบอลอันดับ1 ufa88s.com