การคว้าถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ถือเป็นความฝันสูงสุดของทุกสโมสรชั้นนำในยุโรป ดังนั้นจึงไม่น่าใช่เรื่องแปลกอะไรที่ทีมอย่างบาร์เซโลน่าจะตั้งความหวังสูงสุดไว้ที่ถ้วยบิ๊กเอียร์อยู่ทุกปี
ยอดทีมแห่งแคว้นคาตาลัน ครองความยิ่งใหญ่ในศึก ลา ลีกา ด้วยการคว้าแชมป์ลีก 4 จาก 5 ฤดูกาลหลังสุด แต่ทว่าเส้นทางในเวทียุโรป พวกเขากลับไปไม่ถึงฝั่งฝัน
ครั้งสุดท้ายที่เจ้าบุญทุ่ม ก้าวไปถึงตำแหน่งแชมป์ถ้วยใบใหญ่ยุโรปต้องย้อนกลับไปถึงปี 2015 ในยุคของ หลุยส์ เอ็นริเก้ ที่มีสามประสานสะท้านโลกอย่าง ลิโอเนล เมสซี่, หลุยส์ ซัวเรซ และ เนย์มาร์
นับตั้งแต่นั้นมา พวกเขาก็มักตกม้าตายแบบน่าอาย โดยเฉพาะปี 2017-2018 ที่ชนะโรม่า มาก่อนในเกมแรก 4-1 แต่กลับบุกไปแพ้ 0-3 ในเกมที่สอง พลิกตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายไปอย่างช็อคคนทั้งโลก
ขณะปีล่าสุด ตกรอบตัดเชือกด้วยการบุกไปแพ้ลิเวอร์พูล ถึงแอนฟิลด์ 0-4 ทั้งที่นัดแรกเป็นฝ่ายกำชัยมาได้ก่อนถึง 3-0
สำหรับซีซั่นนี้ บาร์ซ่า ยังคงตั้งความหวังไว้เหมือนเดิม และพวกเข้าได้ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายเรียบร้อยแล้ว โดยจะพบกับนาโปลี
แต่ด้วยปัญหาหลายอย่างที่เกิดขึ้นกับพวกเขาตั้งแต่ต้นฤดูกาล มันจึงมีสัญญาณบ่งบอกที่ไม่ดีสักเท่าไหร่ว่าพวกเขาจะล้มเหลวในถ้วยแชมเปี้ยนส์ ลีก ปีนี้อีกครั้ง
และนี้คือ 4 ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้บาร์ซ่าล้มเหลวในศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก
เมสซี่ทำประตูน้อยลง
แฟนบอลทุกคนต่างรู้ดีว่า เมสซี่ คือยอดดาวเตะที่ทำผลงานได้คงเส้นคงวาที่สุดคนหนึ่งของโลก การันตีด้วย 600 ประตูตลอดอาชีพค้าแข้ง
แต่สำหรับซีซั่นนี้ ผลงานการทำประตูของดาวยิงชาวอาร์เจนไตน์ ตกลงไปอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในถ้วยยุโรปที่เขาเพิ่งทำไปแค่ 2 ประตูเท่านั้น
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม มาตรฐานการทำประตูที่น้อยลงของเมสซี่ ย่อมไม่เป็นเรื่องดีต่อบาร์ซ่า อย่างแน่นอน
แนวรับรั่ว
หากกล่าวถึงวลียอดฮิตในโลกลูกหนังว่า “เกมรุกจะทําให้คุณชนะ แต่เกมรับจะทําให้คุณเป็นแชมป์” คำพูดนี้ยังคงใช้ได้อยู่เสมอ แต่กับบาร์เซโลน่าแล้ว พวกเขาดูจะห่างไกลกับคำว่า “เกมรับจะทําให้คุณเป็นแชมป์”
เมื่อกางสถิติออกมาจะเห็นได้ชัดเลยว่าทัพ “อาซูลกราน่า” เสียมากถึง 29 ประตูจาก 24 นัดในลา ลีกา เฉลี่ยแล้วพวกเขาเสีย 1.2 ประตูต่อเกมเลยทีเดียว ส่วนในถ้วยยุโรป พวกเขาเพิ่งเก็บคลีนชีตไปได้แค่ 2 จาก 6 เกมในรอบแบ่งกลุ่ม
ถ้าวัดจากคุณภาพเกมรุกของทีมคู่แข่งแย่งแชมป์ด้วยกันแล้ว คงถือเป็นงานหนักมากสำหรับเกมรับบาร์ซ่า ที่ดูมีปัญหาและยังไม่เข้าที่เข้าทางสักเท่าไหร่ จนกลายเป็นจุดอ่อนที่ชัดเจนที่สุด
อาการบาดเจ็บ
เมื่อพูดถึงอาการบาดเจ็บกับนักกีฬา มันย่อมเป็นของคู่กันอยู่แล้ว แน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ใคร ๆ ต่างไม่อยากให้เกิดขึ้นกันทั้งนั้น
เช่นเดียวกับบาร์เซโลน่าที่ปีนี้พวกเขาเจอปัญหาอาการบาดเจ็บเล่นงานอยู่บ่อยครั้งตั้งแต่ช่วงต้นฤดูกาล เริ่มจาก เมสซี่ ก่อนที่ ซัวเรซ จะเจ็บยาวในช่วงกลางซีซั่น ตามมาด้วย อุสมาน เดมเบเล่ ที่ปิดเทอมไปเรียบร้อยแล้ว
ยังไม่รวมตัวหลักคนอื่น ๆ ที่มักจะเวียนกันเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่นทั้ง จอร์ดี้ อัลบา, เคราร์ด ปิเก้ เป็นต้น
คู่แข่งฟอร์มแกร่ง
หากประเมิณฟอร์มโดยรวมของบาร์เซโลน่า ในฤดูกาลนี้ ถือว่าค่อนข้างน่าผิดหวังพอสมควร และเมื่อเปรียบเทียบกับฟอร์มคู่แข่งในแชมเปี้ยนส์ลีกแล้ว มันยิ่งดูแย่ขึ้นไปอีก
ยูเวนตุสของคริสเตียโน โรนัลโด้ ยังคงทำผลงานได้ดีต่อเนื่องในศึก กัลโช เซเรีย อา ขณะที่แชมป์เก่า ลิเวอร์พูล ร้อนแรงแบบใครก็ฉุดไม่อยู่ในเวทีพรีเมียร์ลีก ส่วนเรอัล มาดริด อริสำคัญ อาจจะมีแกว่งบ้าง แต่ภาพรวมก็ยังดูแข็งแกร่ง
ด้านบาเยิร์น มิวนิค ที่แม้จะเปลี่ยนกุนซือ แต่ก็กลับมาสู่ฟอร์มเก่งได้แล้ว หลังนำจ่าฝูงบุนเดส พร้อมกับผ่านเข้ารอบน็อกเอ้าท์ ชปล. ด้วยผลงานสวยหรู ยิงสเปอร์ส 10 ประตูจากสองนัดในเกมรอบแบ่งกลุ่ม
นอกจากนี้ยังมีทีมฟอร์มแรงอย่าง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์, แอร์เบ ไลป์ซิก รวมไปถึง เปแอสเช ที่พร้อมก้าวขึ้นมาเป็นผู้ท้าชิง
ทั้งหมดทั้งมวลเป็นเพียงการคาดการณ์ ในโลกของฟุตบอลอะไรก็เกิดขึ้น แต่เมื่อมองจากปัจจัยโดยรวมแล้ว ต้องยอมรับว่าปีนี้เป็นปีที่ยากสำหรับบาร์ซ่าอย่างแท้จริง หากพวกเขาหวังก้าวไปถึงตำแหน่งเจ้าแห่งยุโรป
ติดตามข่าวสารฟุตบอลได้ที่ BUAK 20.com
สนับสนุนโดยเว็บไซค์ ฟุตบอลอันดับ1 ufa88s.com