ลิเวอร์พูล ยังคงสร้างผลงานได้อย่างสุดยอดในแมตช์ล่าสุดที่บุกไปชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ 2-1 ถึงถิ่นโมลินิวซ์ กราวนด์ เกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 23 มกราคมที่ผ่านมา ทำให้ “หงส์แดง” ทำแต้มทิ้งห่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ออกไป 16 คะแนน และมีเกมอยู่ในมืออีก 1 แมตช์ด้วย
ชัยชนะในแมตช์นี้อาจจะไม่ได้สวยหรู เพราะเกมนี้ “เดอะ เร้ดส์” เล่นไม่ค่อยดีนัก ในขณะที่ วูล์ฟส์ ทำผลงานได้อย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะแนวรุกของพวกเขาซึ่งมี อดาม่า ตราโอเร่ เป็นตัวชูโรง และเล่นงานเกมรับของจ่าฝูงจนเป้ไปเป้มาตลอดทั้งเกม
ขณะเดียวกัน เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ยังคงแสดงให้เห็นถึงการเป็นฟูลแบ็กยุคใหม่ที่มีทีเด็ดในการเปิดบอล และทำแอสซิสต์จากจังหวะเตะมุมส่งให้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน โหม่งประตูตั้งแต่ต้นเกม ส่วน กัปตัน “เฮนโด้” ยังแสดงให้สาวก “เดอะ ค็อป” ได้เห็นแล้วว่าเขาคือนักเตะที่คู่ควรกับปลอกแขนผู้นำทัพอย่างแท้จริง
1. กัปตันเฮนโด้โก้จริงๆ
จอร์แดน เฮนเดอร์สัน แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาคือกัปตันทีมที่เหมาะสมที่สุดในยุคเจอร์เก้น คล็อปป์ เจ้าตัวสามารถเล่นได้ตามที่เจ้านายสั่งไม่ว่าจะทำหน้าที่เป็นมิดฟิลด์สไตล์บ็อกซ์ ทู บ็อกซ์, โฮลดิ้ลมิดฟิลด์ คอยทำหน้าที่ดันเกมขึ้นไปยิงประตู และยังไล่บี้คู่แข่งแย่งบอลกลับมาให้เร็วที่สุด แต่แมตช์นี้เจ้าตัวมีออปชั่นเสริมด้วยการโหม่งทำประตูซะด้วย
“เฮนโด้” เล่นได้ดีมาตลอดโดยเฉพาะในฤดูกาลนี้ ถือเป็นฟันเฟืองในแดนกลางที่ ลิเวอร์พูล ขาดไม่ได้จริงๆ โดยในเกม “แดงเดือด” เจ้าตัวก็เล่นได้สุดติ่ง และมีโอกาสยิงประตูด้วยซ้ำ แต่น่าเสียดายที่โดน ดาบิด เด เคอา ใช้ปลายมือปัดก่อนบอลชนเสา ไม่งั้นคงมีชื่อบนสกอร์บอร์ดตั้งแต่เกมที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม แมตช์นี้ เฮนเดอร์สัน เบิกร่องด้วยการโหม่งให้ทีมขึ้นนำตั้งแต่นาทีที่ 8 จากการเตะมุมที่เฉียบคมของ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และตลอดทั้งเกมเจ้าตัววิ่งแบบไม่มีหมด ไล่กดดันเกมรุกของ วูล์ฟส์ ไม่ให้เล่นถนัด กล้าเข้าสกัดบอลแบบไม่กลัวเจ็บ แถมยังมีส่วนสำคัญกับประตูชัยเมื่อเป็นคนแอสซิสต์ให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่าย
ตอนนี้ เฮนเดอร์สัน สามารถลบคำสบประมาทจากแฟนบอลทั่วโลก รวมทั้งสาวก “เดอะ ค็อป” ได้จนหมดสิ้นแล้ว และต้องยอมรับว่าผลงานของเขาในเวลานี้ก้าวเข้าไปใกล้เคียงกับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด และตำนานกัปตันทีมของสโมสรหลายๆ คนด้วย
2. มินามิโนะ เปิดตัวพรีเมียร์ลีก
การที่ทีมต้องเสีย ซาดิโอ มาเน่ จากอาการบาดเจ็บตั้งแต่ช่วงครึ่งชั่วโมงแรก ทำให้ คล็อปป์ จำเป็นต้องปรับหมากเป็นการด่วน และตัดสินใจเลือกใช้งาน ทาคูมิ มินามิโน ลงสนาม ซึ่งถือเป็นการเล่นเกมพรีเมียร์ลีก อย่างเป็นทางการนัดแรกของเขานับตั้งแต่มาอยู่ในถิ่นแอนฟิลด์
มินามิโนะ ยังไม่คุ้นชินกับเกมเร็ว และหนักของลีกเมืองผู้ดี ฉะนั้นคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่เขาจะงัดฟอร์มเก่งเหมือนกับตอนที่เล่นให้ เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก ได้ทันที แต่กระนั้นเจ้าตัวก็มีชอตสวยๆ 1 จังหวะที่โชว์กระดกบอลข้ามหัวกองหลังวูล์ฟส์ ซึ่งลีลาแบบนั้นแสดงให้เห็นถึงทักษะ และเทคนิคของนักเตะว่าไม่ธรรมดาจริงๆ
อย่างไรก็ตามในครึ่งหลัง กุนซือชาวเยอรมัน ปรับแท็คติกด้วยการหันมาเล่นระบบ 4-4-2 ในครึ่งหลังซึ่งแน่นอนว่ามันส่งผลกับ จอมทัพทีมชาติญี่ปุ่น อย่างมาก กระนั้น มินามิโนะ ยังมีโอกาสได้ยิง 1 ครั้งแต่ไปติดบล็อกกองหลัง ก่อนที่ ฟีร์มีโน่ จะกดซ้ำไปเข้ามือ รุย ปาทริซิโอ
สำหรับผลงานโดยรวมของ มินามิโนะ ในแมตช์นี้ก็ถือว่าใช้ได้ เพราะเจ้าตัวเล่นได้ตามแนวทางที่ คล็อปป์ ต้องการ แต่กระนั้นเขาคงต้องทำงานหนักมากยิ่งขึ้น หากต้องการเปลี่ยนแย่งตำแหน่งกับ อเล็กซ์ อ็อดซ์เลด-แชมเบอร์เลน, ฟาบินโญ่ และผู้เล่นคนอื่นๆ ในแนวรุก
3. งานเข้า มาเน่ เดี้ยง
สาวก “เดอะ ค็อป” ใจหายใจคว่ำแน่นอน เมื่อเห็น มาเน่ เดินออกจากสนามตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรกของเกม เพราะนั่นเป็นสัญญาณบ่งบอกว่านักเตะมีอาการบาดเจ็บค่อนข้างหนัก เนื่องจาก ปีกชาวเซเนกัล ไม่มีทางขอเปลี่ยนตัวหากอาการไม่ย่ำแย่จริงๆ
ณ ตอนนี้มีการคาดการณ์กันว่า อดีตดาวเตะ “นักบุญ” เซาธ์แฮมป์ตัน อาจจะได้รับบาดเจ็บบริเวณกล้ามเนื้อหลังต้นขา ซึ่งแน่นอนว่าเป็นอาการบาดเจ็บที่ค่อนข้างน่าเป็นห่วง และหากเป็นแบบนั้นจริงๆ นั่นหมายความว่า มาเน่ คงต้องพัก 2-3 เดือนเลยทีเดียว ซึ่งส่งผลกระทบกับการเล่นของ “หงส์แดง” ชัวร์
นี่เป็นเรื่องให้ คล็อปป์ ต้องขบคิดเป็นการบ้านสำคัญว่าจะหาทางแก้ป้ญหาการขาดหายไปของ มาเน่ ยังไงดี แม้สถานการณ์ของ “เดอะ เร้ดส์” อาจจะมีแต้มนำห่าง “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถึง 16 คะแนนก็ตาม แต่การไม่มีสตาร์ทีมชาติเซเนกัล ส่งผลให้เห็นถึงเกมรุกที่ขาดทีเด็ดไปทันที ซึ่งดูได้จากเกมเฉือน วูล์ฟส์ !!
4. ซาลาห์ ขาดความคม
โมฮาเหม็ด ซาลาห์ คนเดิมที่เคยคว้าดาวซัลโวสูงสุดลีกผู้ดี 2 สมัยติด (ซีซั่นที่ผ่านมาครองรวมกับ มาเน่ และ ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมยอง) เพราะในฤดูกาลนี้ “คิง ออฟ อียิปต์” ขาดความเฉียบคมไปเยอะ และมีหลายครั้งที่ยิงทิ้งยิงขว้าง ทั้งๆ ที่น่าจะเป็นประตู
เกมเยือน วูล์ฟส์ “บังโม” มีโอกาสที่จะยิงประตูให้ “หงส์แดง” หนีห่างเจ้าบ้านในช่วงท้ายครึ่งแรก แต่ดันยิงไปติดกองหลัง ทั้งๆ ที่จังหวะนั้นหากเจ้าตัวเลือกยิงเร็ว ก็มีลุ้นที่จะเป็นสกอร์ หรือหันไปใช้ออปชั่นส่งให้ มินามิโนะ ที่วิ่งประคองมาก็ได้ แต่เขาเลือกที่จะมั่นใจตัวเอง และบทสรุปก็คือไม่ได้ประตู
ขณะที่ในครึ่งหลัง ต้องยอมรับว่า “หมาป่า” วางหมากได้ดี จัดการแนวรุกของทีมเยือนอยู่หมัด แต่ก็ไม่ใช่ว่า ลิเวอร์พูล จะไม่มีโอกาสจบสกอร์ และเป็นอีกครั้งที่ ดาวเตะแดนมัมมี่ ตัดสินใจไม่ดีทำให้ตะบันออกเสาไปอย่างน่าเสียดาย
อย่างไรก็ตาม ซาลาห์ ยังพอที่จะลบล้างความผิดจากจังหวะที่พลาดเหล่านั้นไปได้ เมื่อเขามีส่วนช่วยให้ทีมได้ประตูชัย โดยใช้ความสามารถเฉพาะตัวหลอกล่อแนวรับ วูล์ฟส์ ก่อนที่จะส่งให้ “เฮนโด้” ที่ทิ่มบอลทะลุให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ เข้าไปกดประตูได้สำเร็จ
5. ตราโอเร่ ทำ โรเบิร์ตสัน ปั่นป่วน
ต้องยอมรับว่า วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ เล่นได้ดีกันทั้งทีม แต่หากจะหาคนที่โชว์ฟอร์มโดดเด่นที่สุดคงหนีไม่พ้น อดาม่า ตราโอเร่ ซึ่งสามารถปั่นป่วนเกมรับของ ลิเวอร์พูล ได้ตลอด โดยเฉพาะทางฝั่งซ้าย ที่ทำเอา แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ต้องเปิดตำรารับมืออย่างหนัก
เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่า ตราโอเร่ มีทั้งร่างกายที่กำยำแข็งแกร่ง และวิ่งเร็วมาก ซึ่งแน่นอนว่า นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต้ กุนซือเครางาม หวังที่จะเอามาจัดการกับเกมรับที่สุดแกร่งของจ่าฝูง ที่มีสถิติสวยหรูเหลือเกิน โดยยังไม่เสียประตูในเกมลีก 7 นัดติดต่อกัน
การจับ ตราโอเร่ มาสู้กับ โรเบิร์ตสัน ถือเป็นแผนที่เด็ดมากๆ สำหรับ วูล์ฟส์ เพราะกัปตันทีมชาติสกอตแลนด์ ต้องงัดทุกกลยุทธ์ในการรับมือกับเขา แต่กระนั้น “แอนดี้” แทบจะจัดการ ตราโอเร่ ไม่ได้ และช่วง 10 นาทีแรกของครึ่งหลังต้องถึงขั้นยอมทำฟาวล์ตรงริมเส้นกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย เนื่องจากวิ่งไล่ตามคู่แข่งไม่ทัน ส่งผลให้ต้องสังเวยใบเหลืองไปโดยปริยาย
ขณะเดียวกันจังหวะที่ทีมเสียประตูตีเสมอก็เกิดจากความเร็ว และการโยนที่แม่นยำของ ตราโอเร่ กระนั้นหากจะบอกว่า โรเบิร์ตสัน ไม่สามารถรับมือกับ ปีกหุ่นบึ้กชาวสแปนิช ได้ ก็ไม่ถึงขนาดนั้น เนื่องจากเขาก็พยายามอย่างเต็มที่แล้ว แต่คู่แข่งแข็งแกร่งจริงๆ ฉะนั้นต้องยกเครดิตให้ ตราโอเร่ เช่นกัน
ติดตามข่าวสารฟุตบอลได้ที่ BUAK 20.com
สนับสนุนโดยเว็บไซค์ ฟุตบอลอันดับ1 ufa88s.com