ช่วงที่ผ่านมากระแสข่าวลือระหว่าง ลิเวอร์พูล ยอดสโมสรแห่งวงการ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ กับทั้ง เจดอน ซานโช่ ปีกคนเก่งของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ดาวยิง ปารีส แซงต์-แชร์กแมง มันรุนแรงขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่หลายคนมองว่าการที่ “หงส์แดง” ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมจนเหมือนกำลังเข้าสู่ยุคยิ่งใหญ่ และมีเงินให้ใช้ช็อปได้อย่างสบายใจจากการเซ็นสัญญากับ ไนกี้ อาจจะทำให้พวกเขาได้ใครคนใดคนหนึ่งมาครอง
แน่นอน ไม่มีใครปฏิเสธว่าในตอนนี้ ซานโช่ และ เอ็มบั๊ปเป้ ต่างก็ได้รับการยกย่องให้อยู่ในกลุ่มนักเตะชั้นยอดของยุคนี้แล้ว แม้ว่าทั้งคู่จะเพิ่งมีอายุเพียง 19 ปี กับ 21 ปี ตามลำดับก็ตาม ซึ่งหลายคนก็คาดกันว่าทั้งคู่จะก้าวขึ้นไปเป็นสตาร์ดังของโลกลูกหนังในอีกหลายปีต่อจากนี้ได้ ต่อให้อาจจะไม่ถึงระดับเดียวกับ ลิโอเนล เมสซี่ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 2 ยอดซูเปอร์สตาร์ของยุคนี้ก็ตาม
ถึงกระนั้น ถ้าเกิด ซานโช่ หรือ เอ็มบั๊ปเป้ มาอยู่กับ ลิเวอร์พูล มันก็ต้องมีผู้เสียสละ เพราะนักเตะระดับพวกเขาคงไม่มีทางยอมมาเป็นตัวสำรองแน่ๆ ซึ่งมันก็ทำให้หลายคนตั้งประเด็นกันว่าใน 3 แนวรุกชุดปัจจุบันของ ลิเวอร์พูล ใครที่อาจจะต้องโดนปล่อยออกไปเพื่อเป็นการเปิดทางให้ ซานโช่ หรือ เอ็มบั๊ปเป้
ทั้งนี้ มีคนในวงการฟุตบอลหลายคน อย่างเช่น ชาร์ลี อดัม อดีตกองกลาง ลิเวอร์พูล และ ดาร์เรน เบนท์ อดีตหัวหอกชาวอังกฤษ ที่มองว่า โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ควรจะต้องเป็นเหยื่อเพื่อเปิดทางให้ ซานโช่ หรือ เอ็มบั๊ปเป้ ได้เข้ามาอยู่กับ ลิเวอร์พูล เพราะถึงแม้เขาจะทำผลงานได้ยอดเยี่ยม แต่หลายคนก็คิดว่าเขามีความสำคัญกับทีมน้อยกว่าเมื่อไปเปรียบเทียบกับ ซาดิโอ มาเน่ หรือ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ คำถามคือ ซาลาห์ มีความสำคัญน้อยที่สุดจริงๆ หรือไม่ และการเสียเขาไปเพื่อแลกกับคนใดคนหนึ่งระหว่าง ซานโช่ กับ เอ็มบั๊ปเป้ มันจะคุ้มค่าจริงๆ รึเปล่า ?
– ความสำคัญของ ซาลาห์ ต่อแนวรุกของ ลิเวอร์พูล
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่าไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ฟีร์มีโน่ ก็คือคนที่มีโอกาสโดน เจอร์เก้น คล็อปป์ ปล่อยตัวออกจากทีมน้อยที่สุด เพราะเขาคือคนเดียวในขุมกำลังชุดปัจจุบันที่สามารถเล่นเป็นกองหน้าตัวสนับสนุนเพื่อนร่วมทีมได้ จริงอยู่ว่าผลงานการทำไป 10 ประตู จากการลงเล่น 36 นัดในทุกรายการ จะเป็นตัวเลขที่ต่ำสำหรับนักเตะในตำแหน่งกองหน้า แต่หน้าที่หลักของ ฟีร์มีโน่ ไม่ใช่การทำประตู เพราะมันคือการเป็นตัวเชื่อมเกมหรือหาทางช่วยเหลือ มาเน่ และ ซาลาห์ ที่ยืนเป็นปีกทั้งสองข้าง
ในฤดูกาลนี้ ฟีร์มีโน่ ทำแอสซิสต์จากการลงเล่นในทุกรายการไปแล้ว 12 ลูก ซึ่งถือว่าสูงพอตัวสำหรับคนที่เป็นกองหน้า และตัวเลขดังกล่าวคือหลักฐานที่ยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า ฟีร์มีโน่ สามารถรับบทบาทตัวสนับสนุนได้ดีมากๆ รวมถึงเป็นฟันเฟืองหลักในแนวรุกของทีม และอาจจะเป็นฟันเฟืองที่สำคัญที่สุดก็ว่าได้
ทีนี้ก็จะมาเหลือการดวลกันแค่ระหว่าง ซาลาห์ กับ มาเน่ ทั้งสองคนมีผลงานการทำประตูที่สูสีกันมาตั้งแต่ฤดูกาลก่อนแล้ว โดยซีซั่นก่อนพวกเขาก็เป็นดาวซัลโวสูงสุดของ พรีเมียร์ลีก ร่วมกับ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง ส่วนซีซั่นนี้ ซาลาห์ ทำไปแล้ว 18 ประตู จากการลงเล่น 33 นัดในทุกรายการ ขณะที่ มาเน่ ก็ตามมาติดๆ ด้วยผลงาน 15 ลูกจากการลงเล่นในทุกรายการ 31 เกม
ปัจจัยที่ทำให้หลายคนมักจะบอกว่า มาเน่ มีความสำคัญมากกว่า ซาลาห์ ก็คือการที่ มาเน่ เป็นคนไม่เห็นแก่ตัว เปรียบเทียบคร่าวๆ ก็คือดาวเตะชาวเซเนกัลจะพยายามมองก่อนว่ามีเพื่อนร่วมทีมที่อยู่ในตำแหน่งดีกว่าตัวเองในจังหวะที่ป้วนเปี้ยนแถวกรอบเขตโทษรึเปล่า ขณะที่ ซาลาห์ มักจะเน้นยิงเองเป็นหลักมากกว่า
ประเด็นดังกล่าวถือว่ามีความจริงในระดับหนึ่ง เพราะถึงแม้ฤดูกาลนี้พวกเขาจะทำแอสซิสต์ในลีกได้ 6 ครั้งเท่ากัน แต่ มาเน่ มีจังหวะพยายามผ่านบอลให้เพื่อนร่วมทีมในเกมลีกทั้งหมด 676 ครั้ง ขณะที่ของ ซาลาห์ อยู่ที่ 602 ครั้ง คิดเป็นค่าเฉลี่ยแล้วของ มาเน่ อยู่ที่ 30.7 ครั้งต่อเกม ส่วนของ ซาลาห์ อยู่ที่ 27.4 ครั้งต่อนัด
นอกจากนี้ มาเน่ ก็ยังผ่านบอลได้แม่นยำกว่าด้วย หลังจากมีเปอร์เซ็นต์ผ่านบอลในลีกเข้าเป้า 81.4 เปอร์เซ็นต์ ส่วนของ ซาลาห์ อยู่ที่ 77.2 เปอร์เซ็นต์
– ปล่อยตัวเพื่อให้ได้ เอ็มบั๊ปเป้ แล้วคุ้มจริงหรือ ?
เอ็มบั๊ปเป้ คือกองหน้าตัวเป้าชั้นยอดแห่งยุค การแจ้งเกิดได้ของเขาทำให้ดาวเตะชาวฝรั่งเศสกลายเป็นคนที่ได้รับความสนใจมากพอๆ กับ เนย์มาร์ หรืออาจจะเยอะกว่าซะด้วยซ้ำ และผลงานการทำประตูของเขาก็ยอดเยี่ยมสุดๆ จนถึงขนาดที่ซีซั่นนี้มีค่าเฉลี่ยการทำประตูในลีก 0.8 ลูกต่อนัด
อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งของ เอ็มบั๊ปเป้ ถือว่าแตกต่างกับ ซาลาห์ ที่เป็นปีกอย่างสิ้นเชิง ถ้าเปรียบเทียบไปแล้วตำแหน่งของดาวเตะชาวฝรั่งเศสมันจะทับกับ ฟีร์มีโน่ มากกว่า จริงอยู่ว่า เอ็มบั๊ปเป้ สามารถยืนเป็นปีกได้ แต่มันไม่ใช่ตำแหน่งที่เขาจะโชว์ศักยภาพที่ดีที่สุดออกมาได้ อย่างซีซั่นนี้เจ้าตัวก็ทำประตูในลีกได้เพียง 5 ลูก จากการลงเล่นเป็นปีก 8 นัด
ถ้าเกิด เอ็มบั๊ปเป้ ย้ายมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล มันก็หมายความว่า ฟีร์มีโน่ ก็อาจจะต้องหลุดจากการเป็นกองหน้าตัวเป้าจอมสนับสนุนเพื่อน ขณะที่ตำแหน่งปีกขวาที่เดิมเป็นของ ซาลาห์ ก็อาจจะต้องเปลี่ยนมาเป็น ทาคูมิ มินามิโนะ หรือไม่ก็ต้องใช้ ดิว็อค โอริกี้ ซึ่งมันจะส่งผลกับสไตล์การเล่นของ ลิเวอร์พูล อย่างมาก และไม่มีอะไรรับประกันว่า ลิเวอร์พูล จะยังทำผลงานได้ดีเหมือนเดิม
– ปล่อยตัวเพื่อให้ได้ ซานโช่ แล้วคุ้มจริงหรือ ?
ซานโช่ มีผลงานที่เหมาะกับการเป็นปีกชั้นยอด การลงเล่นในลีกประจำฤดูกาลนี้นั้น เขามีค่าเฉลี่ยการเลี้ยงบอลผ่านคู่แข่ง 2.9 ครั้งต่อเกม, มีจังหวะผ่านบอลรวม 945 ครั้ง, มีจังหวะผ่านบอลจังหวะสำคัญ 2.3 ครั้งต่อนัด, เสียบอล 1.1 ครั้งต่อเกม ซึ่งทั้งหมดก็ดีกว่าของ ซาลาห์ โดยนอกจาก ซาลาห์ จะมีจำนวนครั้งการผ่านบอลน้อยกว่า ซานโช่ (ซาลาห์ มีจังหวะผ่านบอลในลีกรวม 602 ครั้ง ตามที่กล่าวในเบื้องต้น) แล้วนั้น ดาวเตะชาวอียิปต์ยังมีค่าเฉลี่ยการเลี้ยงบอลผ่านคู่แข่ง 1.5 ครั้งต่อเกม, มีจังหวะผ่านบอลสำคัญ 1.9 ครั้งต่อนัด และเสียบอล 2.2 ครั้งต่อเกม
นอกจากนี้ ซานโช่ ยังมีผลงานการทำประตูที่น่าประทับใจด้วย หลังจากฤดูกาลนี้เขาทำประตูไปแล้ว 15 ลูก จากการลงเล่น 28 นัดในทุกรายการ น้อยกว่า ซาลาห์ เพียงแค่ 3 ประตูเท่านั้น
ข้อด้อยเพียงอย่างเดียวในกรณีที่จะขาย ซาลาห์ เพื่อเอา ซานโช่ มาร่วมทีมแทน ก็คือการที่ต้องให้ ซานโช่ มาปรับตัวเข้ากับทีมให้ได้ ซึ่งถ้าเกิดมันก้าวข้ามอุปสรรคนี้ไปได้แล้วล่ะก็ ซานโช่ ก็น่าจะทำให้ ลิเวอร์พูล ยังโหดเหมือนตอนมี ซาลาห์ อยู่ในทีม หรืออาจจะเก่งกว่าเดิมได้ด้วยซ้ำ
สรุป : ซานโช่ ถือเป็นตัวเลือกที่น่าจะทำให้การสังเวย ซาลาห์ เป็นการเสียสละที่คุ้มค่าได้ ในทางตรงกันข้าม เอ็มบั๊ปเป้ ดูจะเป็นดีลที่เสี่ยงเกินไปหน่อยถ้าจะเข้ามาอยู่กับทีมแบบสวนทางกับดาวเตะทีมชาติอียิปต์ อย่างไรก็ตาม การเก็บ ซาลาห์ เอาไว้กับทีมต่อไป ก็ไม่ใช่ทางเลือกที่แย่เหมือนกัน เมื่อพิจารณาถึงเรื่องที่ว่าผลงานของเขาก็ใกล้เคียงกับ ซานโช่ แถมยังไม่ต้องมาเสียเวลาปรับตัวด้วย
ติดตามข่าวสารฟุตบอลได้ที่ BUAK 20.com
สนับสนุนโดยเว็บไซค์ ฟุตบอลอันดับ1 ufa88s.com