ก่อนหน้าฤดูกาล 2019/20 จะเริ่มต้นขึ้น แฟนบอลของ เลสเตอร์ ซิตี้ เป็นกังวลใจอย่างมากเมื่อทราบว่า แฮร์รี่ แม็กไกวร์ กองหลังตัวสำคัญต้องย้ายไปเล่นให้คู่แข่งร่วมลีกอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
โดยที่พวกเขาไม่ได้คาดคิดเลยว่าเรื่องดังกล่าวจะนำไปสู่การแจ้งเกิดกองหลังดาวรุ่งสัญชาติตุรกีอย่าง คักลาร์ โซยุนคู ในเวลาต่อมา
จุดเริ่มต้นของ คักลาร์ โซยุนคู
โซยุนคู เขาให้ความสนใจกับกีฬาฟุตบอลตั้งแต่อายุยังน้อย แม้จะอยู่ในเมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ด้านการสงครามมากมาย แต่งานอดิเรกในวัยเด็กของเขาคือการเล่นฟุตบอล
และมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะก้าวไปเป็นนักฟุตบอลอาชีพซึ่งเป็นความใฝ่ฝันที่ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มจากคุณพ่อและคุณแม่ของเขา
หลังจากอยู่เล่นในลีกสมัครเล่นของตุรกีสักพักและจบการศึกษา เขาก็ได้เซ็นสัญญากับทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรกอย่าง อัลตินอร์ดู สโมสรระดับดิวิชั่นสองของตุรกี
สร้างชื่อในฐานะดาวรุ่งน่าจับตามองของบุนเดสลีกา
ในเดือนกรกฎาคม 2016 โซยุนคู เซ็นสัญญากับไฟร์บวร์ก ที่เพิ่งได้เลื่อนชั้นมาเล่นในบุนเดสลีกา มันเป็นก้าวสำคัญของเด็กหนุ่มสาวชาวเติร์กผู้นี้อย่างมาก และเขาก็ได้แสดงให้แฟนบอลในเยอรมนีได้เห็นสไตล์การเล่นเกมรับที่ดุดันและถึงลูกถึงคน
นอกเหนือจากทรงผมหยักศกอันยาวเหยียดและการแสดงออกทางสีหน้าอันดุเดือดแล้ว การเล่นของเขามักถูกมองว่ามีความคล้ายคลึงกับ การ์เลส ปูโยล ตำนานกองหลังบาร์เซโลน่าอย่างมาก
เขาได้กลายเป็นนักเตะคนสำคัญในแผงหลังของไฟร์บวร์ก และด้วยผลงานที่โดดเด่นทำให้เขาถูกเรียกตัวไปติดทีมชาติตุรกี ส่งผลให้แมวมองทีมดังหลายทีมอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้, อาแอส โรม่า, อาร์เซน่อล และ เลสเตอร์ ซิตี้
ต้องมาโฟกัสที่เขาอย่างละสายตาไม่ได้ จนกระทั่งเดือนสิงหาคม 2018 กลายเป็น เลสเตอร์ ซิตี้ ที่สามารถดึงตัวเขาไปเล่นในกิ่น คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม ได้สำเร็จ
เป็นมากกว่าตัวแทนของ แฮร์รี่ แม็กไกวร์
เป็นที่ทราบกันดีว่า แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมให้กับทีมชาติอังกฤษในศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย ซึ่งต่อยอดจากฟอร์มการเล่นกับ เลสเตอร์ ในฤดูกาล 2018/19
และแน่นอนว่ามันเป็นการจำกัดโอกาสลงสนามสำหรับฤดูกาลแรกของ โซยุนคู ในพรีเมียร์ลีกด้วยเช่นกัน โดยแนวรับชาวเติร์กได้เล่นไปเพียง 6 นัดเท่านั้น
อย่างไรก็ตามหลังจากที่ แม็กไกวร์ ย้ายไปเล่นให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในฐานะกองหลังที่แพงที่สุดในโลก เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เลือกที่จะเชื่อมั่นในตัว โซยุนคู ที่แทบจะไม่ได้พิสูจน์ตัวเองในเวทีพรีเมียร์ลีกมาก่อนเลย
แม้ว่าเขาจะสามารถนำเงิน 80 ล้านปอนด์ไปหากองหลังบิ๊กเนมเข้ามาได้ก็ตาม ซึ่งได้รับการพิสูจน์ในภายหลังแล้วว่าเป็นตัดสินใจที่ถูกต้อง
นับตั้งแต่เริ่มต้นฤดูกาล 2019/20 โซยุนคู มีสถิติที่ดีกว่า แม็กไกวร์ อยู่หลายขุม โดยจากข้อมูลของพรีเมียร์ลีกเปิดเผยว่า เขามีสถิติการเข้าบล็อคมากถึง 13 ครั้ง ในขณะที่ แม็กไกวร์ บล็อคไปแค่ 7 ครั้ง
เช่นเดียวกับการแท็คเกิ้ลที่กองหลังเลสเตอร์ทำได้ถึง 30 ครั้ง ส่วนแนวรับจากปีศาจแดงทำได้แค่เพียง 15 ครั้งเท่านั้น อย่างไรก็ตามสิ่งที่เขายังต้องปรับปรุงคือการเล่นลูกโด่ง
ซึ่ง แม็กไกวร์ ทำได้ดีกว่าเยอะ แต่หากนับภาพรวมแล้วปฏิเสธไม่ได้ว่ากองหลังวัย 23 ปี แทบจะเป็นมากกว่าการทดแทนของแม็กไกวร์ไปสะแล้ว
การเข้าใจแท็คติกและสภาพจิตใจที่นิ่ง
โซยุนคู ถือเป็นเซ็นเตอร์แบ็คที่มีความคล่องแคล่วมาก เขาอ่านเกมได้ดี เอาชนะดวลแบบตัวต่อตัวได้ยาก มีความแข็งแกร่งและเล่นลูกกลางอากาศได้อย่างยอดเยี่ยม สไตล์ดุดันของเขานั้นชัดเจนมากๆ
ซึ่งตอนที่เล่นให้กับไฟร์บวร์กเขาเป็นส่วนสำคัญของในแผนกองหลัง 3 คนเมื่อฤดูกาล 2017/18 เขายังแสดงให้เห็นถึงความสารพัดประโยชน์เมื่อสามารถเล่นได้ทั้งเซ็นเตอร์แบ็คฝั่งขวาหรือฝั่งซ้าย ด้วยความเร็วเขาจึงเป็นตัวซ้อนวิงแบ็คที่ดีมากๆ
จับคู่กับ จอนนี่ อีแวนส์ ได้อย่างลงตัว
โซยุนคู ทำได้ดีมากๆ เมื่อได้จับคู่กับ จอนนี่ อีแวนส์ การมีกองหลังมากประสบการณ์เป็นคู่หูทำให้เขาสามารถเติมเกมขึ้นสูงได้ในหลายครั้ง
เช่นเดียวกับการเป็นตัวเริ่มต้นสำหรับการเซ็ตบอลจากแดนหลัง โดยให้แนวรับทีมชาติไอร์แลนด์เหนือคอยทำหน้าที่ซ้อนเขาอีกที
อิมแพ็คที่เขาได้สร้างให้กับเลสเตอร์เป็นส่วนผสมร่วมกับนักเตะฝีเท้าดีคนอื่นๆ ภายในทีมที่ทำให้ทีมของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส อันดับสองในตารางพรีเมียร์ลีก ณ ขณะนี้
ปฏิเสธไม่ได้ว่า โซยุนคู กลายเป็นนักเตะคนสำคัญที่ ร็อดเจอร์ส จะขาดไปไม่ได้เสียแล้วเช่นกัน เชื่อว่าเขาจะเป็นหนึ่งในคีย์แมนให้จิ้งจอกสีน้ำเงินมีลุ้นคว้าโควต้า ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หรือไม่อาจจะสร้างปฏิหาริย์เป็นแชมป์เปี้ยนเหมือนอย่างปี 2015 ก็เป็นได้!!!